กระจกใส
(Float Glass)

 

กระจกโฟลตใสเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย มีคุณสมบัติโปร่งแสง สามารถนำไปแปรรูปเป็นกระจกประเภทต่างๆ เช่น กระจกเทมเปอร์ กระจกลามิเนต กระจกอินซูเลต เป็นต้น

กระจกใสพิเศษ
(Low Iron, Super clear or Extra Clear)


กระจกประเภทนี้มีคุณสมบัติเหมือนกระจกใสทั่วไปทุกประการ เพียงแต่มีการลดสารโลหะ (iron oxide) ในเนื้อกระจก เพื่อให้ได้กระจกที่มีความใสเป็นพิเศษ มีค่าการส่องผ่านของแสงสูงกว่ากระจกใสธรรมดา โดยสามารถสังเกตได้จากสันขอบกระจกที่มีความเขียวน้อยกว่ากระจกใสอย่างเห็นได้ชัด กระจกใสพิเศษนิยมใช้ในงานที่ต้องการเน้นความชัดเจนของสีหรือโชว์สินค้า เช่น ตู้โชว์สินค้า หรือ งานที่ไม่ต้องการให้สีเพี้ยน

กระโฟลตสี / กระจกสีตัดแสง (Tinted Glass)

 

กระจกชนิดนี้ถูกผลิตด้วยกระบวนการเดียวกับกระจกโฟลตทั่วไป แต่มีการเพิ่มสารโลหะบางชนิดเข้าไป เพื่อให้เกิดสีสันที่สวยงาม กระจกโฟลตสีแต่ละชนิดให้ค่าการส่องผ่านของแสง และคุณสมบัติการกันความร้อนที่ต่างกันไป ดังนั้น จึงมีการใช้กระจกโฟลตสีเพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน ลดความร้อนที่เข้ามาในอาคาร เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในอาคาร รวมถึงเพื่อความสวยงาม กระจกโฟลตสีมีหลากหลายมาก เช่น กระจกเขียว กระจกเขียวประหยัดพลังงาน กระจกเขียว SMG กระจกชาดำ กระจกยูโรเกรย์ กระจกคริสตัลเกรย์ กระจกสีฟ้า กระจกสียูโรบร๊อนซ์ เป็นต้น

กระจกเงา
(Mirror)


กระจกที่ถูกเคลือบด้วยโลหะเงินและสารต่างๆ เพื่อให้เกิดเงาสะท้อนในกระจก โดยกระจกเงามีทั้งกระจกเงาใส และกระจกเงาสี เช่น กระจกเงาสีบรอนซ์ กระจกเงาสีชา กระจกเงาสีชาดำ รวมถึงกระจกเงาสีอื่นๆ นอกจากการใช้งานทั่วไป กระจกเงายังถูกใช้ในงานตกแต่ง เพื่อสร้างมิติ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ และทำให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย

กระจกแพทเทิร์น
(Patterned Glass)

กระจกที่มีลวดลายบนพื้นผิว นิยมใช้ในงานตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงาม เช่น กระจกลายทับทิม กระจกลอนแก้ว กระจก Moru กระจกลายตาราง เป็นต้น

กระจกประหยัดพลังงาน
(Energy Saving Glass)


1. กระจกสะท้อนแสง (Reflective Glass)

2. กระจก Low-E